ในข่าวบ้านเรามี ลืม เด็กบนรถตู้ รถจนเสียชีวิตอยู่บ่อยๆ เนื่องจากการขาดอากาศหายใจและอุณหภูมิในรถมีขนาดสูงขึ้น เราควรจะต้องป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับรถโรงเรียนที่เจ้าหน้าที่ขับรถลืมเด็กไว้ในรถ
อุณหภูมิในรถสูงขึ้นเรื่อยๆเพียงแค่ 5 นาทีก็สูงเกินมาตรฐาน ถ้าติดอยู่ในรถนานขึ้นเรื่อยๆประมาณ 30 นาที อาจจะทำให้ระบบอวัยวะทั้งหมดล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุดได้
การป้องกันคือ
ตรวจสอบเด็กอยู่บนรถหรือไม่ ห้ามทิ้งเด็กอยู่บนรถอย่างเด็ดขาดแม้ว่าช่วงเวลาสั้นๆก็ตามไม่ควรทิ้ง ควรนำเด็กลงจากรถเมื่อคุณทำธุระนอกรถด้วย เด็กจะจำได้ว่าถ้าเราออกจากรถเด็กจะต้องลงจากรถด้วยโดยอัตโนมัติ
การดับเครื่องยนต์ปิดแอร์ แง้มหน้าต่างไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก หอแต๋วแตกเสียชีวิตจากการที่อุณหภูมิในรถสูงขึ้น
สำหรับรถตู้ให้นับจำนวนเด็กว่าเข้ากับที่มาหรือไม่ และทำการเช็คชื่อเด็กทุกครั้งที่เด็กลงจากรถ
หรืออาจจะทำการแจกบัตรให้นักเรียนทุกคน และตอนลงจากรถก็เก็บคืนเพื่อมานับจำนวนและเช็คชื่อไอในตัว
ไม่ควรประมาทถ้าเป็นรถตู้ควรจะเข้าไปดูด้านในสายตาตัวเองทุกด้านว่ามีเด็กหลงเหลืออยู่หรือไม่ และลองตะโกนเรียกเผื่อเด็กตกลงไปอยู่ด้านล่างเบาะแล้วก็เป็นมุมอับสายตาเรามองไม่เห็น
คนที่ขับรถตู้ รับส่งเด็ก จะต้องเป็นคนละเอียดรอบคอบ ซึ่งจะต้องคัดเลือกในการให้คนขับรถที่มีคุณภาพมาขับรถ
ผู้ปกครองทุกท่านควรจะสอนเด็กตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้สามารถป้องกันภัยได้สมมุติถ้าเด็กถูกลืมไว้ในรถเด็กก็ควรจะไปกดแตรเพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่เปิดประตูไม่ได้ หรือเคาะกระจก หรือตระโกน
ถ้าเห็นเด็กอยู่ในรถเปิดประตูออกไม่ได้ถูกคนลืม ให้รีบหาเจ้าของรถในบริเวณแถวนั้น ถ้าหาไม่เจอให้รีบหาคนช่วยเพื่อช่วยเหลือเด็กออกมาโดยเร็ว โทรแจ้งทีมแพทย์หน่วยกู้ชีพ 1669 แต่เมื่อประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้ารู้สึกว่าอันตรายให้รีบ หาอุปกรณ์มาทุบกระจกรถโดยเร็ว
เด็กที่ถูกลืมอยู่ในรถนานๆจะเกิดอาการร้อน ขาดอากาศหายใจ จนทำให้สมองบวม และเสียชีวิตในที่สุดได้ ถึงเด็กไม่เสียชีวิตก็อาจจะเกิดทำให้อวัยวะบางอย่างในร่างกายขัดข้อง หรือป่วยหนักได้
ผู้ที่ใกล้ชิดแต่ควรจะต้องระมัดระวังให้เด็ก อย่าคิดว่าเด็กช่วยเหลือตัวเองได้ตลอด ผู้ใหญ่จะมีความรอบคอบมากกว่าเด็กหลายเท่า ระมัดระวังในการ ลืม เด็กบนรถตู้
เรียนขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถ เรียนตามหลักสูตร 15 ชั่วโมง มีสนามฝึกซ้อม ครูผู้สอนมีประสบการณ์ยาวนาน
เครดิต
https://unitedhonda.com/blog/อย่าให้เด็กอยู่ในรถเพียงลำพัง
https://www.posttoday.com/life/healthy/589223